65% เห็นด้วย
แก้ รธน. พรรคประชาธ ิปัตย์ ฉบับที่ 5 ประเด็นกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (โหวต 13 ฉบับ) (วาระ 1)
ร่างที่นำเสนอโดยประชาธิปัตย์ ฉบับที่ 5 การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 1) เพิ่มมาตรา 76/1 และ 76/2 แนวนโยบายแห่งรัฐ ให้กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นพึ่งตนเอง ตัดสินใจในกิจการท้องถิ่นได้เอง ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นมีสิทธิจัดการศึกษา ฝึกอบรม ฝึกอาชีพ ตามความเหมาะสม มีหน้าที่ส่งเสริมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กิจการใดที่ไม่ได้บัญญํติห้ามไว้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมทำได้ 2) เขียนมาตรา 250 ใหม่ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลัง และมีอำนาจของตนเองโดยเฉพาะ และให้มีกฎหมายรายได้ท้องถิ่นภายในสามปี 3) เขียนมาตรา 251 ใหม่ ให้รัฐส่วนกลางกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่าที่จำเป็น ไม่กระทบถึงหลักการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น โดยจัดทำมาตรฐานกลางสำหรับการกำกับดูแลขึ้น 4) เขียนมาตรา 252 ใหม่ จากเดิมที่กำหนดเพียงให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง หรือวิธีอื่น เป็นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรรงร หรือมาจากความเห็นชอบของสภาทัองถิ่น ที่ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และห้ามผู้บริหารท้องถิ่นเป็นข้าราชการที่มีผลประโยชน์ขัดกัน 5) เขียนมาตรา 254 ใหม่ ให้การแต่งตั้งข้าราชการและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปตามความเหมาะสมของท้องถิ่น ให้มีองค์กรพิทักษ์ระบบคุณธรรมของข้าราชการส่วนท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เขียนรับรองสิทธิของประชาชนที่จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอข้อบัญญัติหรือเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น อีกต่อไป
99% เห็นด้วย
ร่าง พ.ร.บ. ประชามติ (วาระ 3)
ร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ที่ผ่านครั้งนี้ มีสาระสำคัญคือ 1.เปิดทางให้ทำประชามติ (ซึ่งประชาชนสามารถเข้าชื่อ 50,000 ชื่อ เสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบทำประชามติได้) 2.ใช้เขตจังหวัดแบบเขตการเลือกตั้งส.ส.เป็นเขตลงประชามติ 3.เปิดทางให้ใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก 4.เปิดทางให้ลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ และลงคะแนนด้วยเครื่องลงคะแนนอิเล็กรอนิกส์ 5.ในการผ่านประชามติ ต้องใช้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 6.กำหนดให้ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ต้องมีสัญชาติไทย, อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันออกเสียง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตออกเสียงไม่น้อยกว่า 90 วัน 7.กำหนดให้เผยแพร่สาระสำคัญ เรื่องที่จะทำประชามติให้ประชาชนทราบภายใน 15 วัน และทำเอกสารส่งให้เจ้าบ้านภายใน 30 วัน 8.สิทธิและเสรีภาพในการรณรงค์การออกเสียง 9.กำหนดบทลงโทษต่าง ๆ 10.ห้ามเผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน (โพล) เกี่ยวกับการออกเสียงในเวลา 7 วันก่อนวันออกเสียง จนสิ้นสุดเวลาออกเสียง
98% เห็นด้วย
ร่าง พ.ร.บ. ประมวลรัษฎากรฯ (วาระ 3)
ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (การแลกเปลี่ยนข้อมูลตามคำขอระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติระหว่างประเทศ) กำหนดให้อธิบดีกรมสรรพากรเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามความตกลงหรืออนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรที่รัฐบาลไทยได้ทำไว้หรือจะได้ทำกับรัฐบาลต่างประเทศ โดยมีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีอากรเพื่อป้่้องกันปัญหาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากร
99% เห็นด้วย
ร่าง พ.ร.บ. จราจรทางบก (วาระ 3)
ร่าง พ.ร.บ. จราจรทางบก มีสาระสำคัญคือ เพิ่มอัตราโทษสำหรับผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ โดยให้จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท และยังเพิ่มอัตราโทษสำหรับการขับรถเร็วเกินกำหนด ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หากขับรถย้อนศร ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย จะปรับไม่เกิน 2,000 บาท และเพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อีกทั้ง ยังมีการกำหนดความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถ โดยกำหนดให้การรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทาง พร้อมด้วยรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป ในลักษณะนัดหมายเพื่อแข่งรถ รวมกลุ่มโดยมีการดัดแปลงหรือปรับแต่งรถ หรือ มีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดอันแสดงให้เห็นว่าจะทำการแข่งรถ ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง (การแข่งรถในทาง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
ส่วนผู้จัดแข่งรถ มีการกำหนดโสำหรับผู้โฆษณา ประกาศ ชักชวน ให้มีการแข่งรถ โดยมีอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนร้านรับแต่งรถ หากมีรถที่ถูกนำไปใช้แข่งรถ ต้องรับโทษในฐานะผู้สนับสนุน คือ ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง
ส่วนประเด็นสุดท้ายคือ การกำหนดเรื่องการรัดเข็มขัดนิรภัย โดยรถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนรถกระบะ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า ส่วนกรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย ด้วย หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท"""